วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เขียน Blog ครั้งแรก !

     อาจจะเป็นเพราะว่าอ่านหนังสือ New York first time ของ เบนซ์ (ธนชาติ ศิริภัทราชัย) ที่พึ่งซื้อมาเมื่อวาน 14 ตุลา 57 มาจาก se-ed นี่ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 9 ก็ไม่ใช่ว่าพึ่งจะเห็นหนังสือถึงพึ่งซื้อมาอ่าน จริง ๆก็เห็นมาตั้งแต่ หลังจากที่ดู Clip Bangkok first time ช่วงแรก ๆเมื่อนาน มาแล้ว แต่ตอนนั้นเห็นแล้วก็ไม่คิดที่จะซื้อ ใจหนึ่งก็อยากอ่าน แต่มันก็ไม่อยากซื้อ อาจจะเพราะรู้สึกว่ามันเป็นการสร้างกระแส จากตัวคลิป รึเปล่า ! แต่ก็ต้องยอบรับว่าคลิป Bangkok first time  มันดี จริง ๆ แต่ก็เอาเป็นว่าตอนนี้ ก็ได้ซื้อหนังสือของคุณ เบนซ์มาแล้ว แต่ถ้าลำดับเหตุการณ์เมื่อวานที่ไป se-ed ดูแล้ว New york first time เป็นหนังสือเล่มสุดท้าย ที่หยิบหลังจากที่ผมได้ทำการซื้อหนังสือไปแล้วสองเล่ม อาจจะเป็นเพราะเป็นคนชอบซื้อหนังสือ (ไม่รู้ว่าชอบอ่านไม้ เพราะว่าบางเล่มซื้อมาสุดท้ายไม่ได้อ่าน ^^)
     แต่ผมเป็นคนที่ชอบเข้าร้านหนังสือมาก และชอบดูหนังสือ ที่ออกใหม่ ส่วนใหญ่เลือกซื้อหนังสือ จาก ความชอบส่วนตัว เจออันไหนถูกใจก็ชอบ ตัดสินจาก หน้าปกบ้าง เนื้อหาบ้าง ...
    กลับไปที่ร้าน Se-ed ที่เข้าเมื่อวาน สาขา จามแสควร์  ที่เข้าไปเพราะว่าไปฆ่าเวลา รอใครบางคน แล้วก็เดินไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ " เด็ก นอก คอก" 
    ตอนแรกที่เห็นก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ นอกจากเห็นว่าเป็นหนังสือ ที่ได้รับการแนะนำ ว่าขายดี และสำนักพิมพ์ stock2morrow ก็เป็นสำนักพิมพ์ที่ผมรู้สึกว่ามันแปลกใหม่ หนังสือค่อนข้างทันสมัย (คือคิดเอาเองก็ไม่ได้อ่านของเค้าเยอะเท่าไหร่ ) ตอนแรกที่เห็นก็แบบ ... ลองอ่านดูละกัน น่าจะไม่ได้ใช้เวลานานมาก (คือกะอ่านให้จบในร้านเลย ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะซื้อ เพราะว่าไม่รู้ว่าหนังสือจะมาแนวไหน) แต่ก็ลองอ่าน คำนิยม ดูปุ๊ป เจอ ชื่อ คุณ รวิศ หาญอุตสาหะ คือ ผม ชอบพี่เค้ามาก ไม่เคยเจอกัน แต่เคยอ่านหนังสือ ของพี่แกเล่มหนึ่ง ชื่อ "Marketing is everything" คือชอบมาก มาก คือมันก็มีหลายครั้งที่ผมชอบหนังสือจนดูว่าใครเขียน แล้วก็ไปดูผลงาน แต่เล่มนี้ ผมจำไม่ได้ว่าตอนนั้นรู้สึกยังไงถึงซื้อมันมา หรือว่าช่วงนั้นมันเป็นยุคของ Marketing อะไรก็ไม่รู้แหละ แต่ว่าผมชอบ ถึงขั้น ส่ง E-mail ไปหาพี่รวิศ เพื่อบอกว่าผมชอบหนังสือพี่มาก และก็สนใจแนวความคิดของพี่ คือตอนนั้นผมอ่านแล้วแบบ เห้ย คนที่แม่งจะเขียนหนังสือแบบนี้ได้ คือ เค้าผ่านอะไรมา เนี่ย แล้วคือผมคิดว่าคนเราคงไม่สามารถที่จะผ่านประสบการณ์เหมือน ๆกันได้หมด แต่ก็อยากรู้ว่าแกคิดแบบนี้ได้ไง เลย คิดเอาง่าย ๆว่า ปกติพี่เค้าจะอ่านหนังสือ แนวไหน จะได้ ตามอ่าน คืออยากคิดได้แบบเค้าบ้าง คือความคิดเจ๋งมาก เลย ก็เลยส่ง E-mail ไปหาคุณ​รวิศ (อยากบอกว่าเป็น e-mail แรกที่ส่งหาคนที่ผมรู้สึกปลื้มมาก หลายคนอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ มันต้องผ่าน หลาย step มากเลยนะครับแบบ 
 เริ่มอ่านหนังสือของเค้า -> ความรู้สึก "เชี่ยเจ๋งหวะ" -> อ่านต่อ -> ความรู้สึก "เชี่ยคิดได้ไงวะ"-> อยากรู้จัก(แล้วก็คิดในใจแบบ แล้วเค้าอยากรู้จึกมึงไม้ ก็ได้คำตอบว่า "ไม่"->  อ่านหนังสือต่อ -> ความรู้สึก "โหยแม่งคิดได้ไง อยากคุยด้วย" (แต่ในใจก็ลดลงมาจากอยากคุยด้วยเป็นอยากบอกพี่เค้าว่ากูปลื้มมาก)-> อ่านต่อ ก็ยิ่งอยากส่ง แต่ในใจก็คิดว่าส่งดีป่าววะ ส่งไปทำไม คือมันวนเวียนอยู่นานมาก สรุป คือ ส่งก็ส่งวะ...... 
     หลังจากส่งไปแล้ว คราวนี้แม่งนั่งเฝ้าเมล์ (ก็ไม่ได้ตลอด แต่ก็ดูบ่อยขึ้น) แล้วพี่เค้าก็ส่งกลับมา คือรู้สึกดีใจมาก ที่เค้าส่งกลับมา ตอนแรกในใจไม่ได้หวังว่าจะได้รับเมล์ตอบกลับมา แต่พอพี่เค้าตอบกลับมา คือดีใจมากเลยไม่รู้จะพูดยังไง และพี่เค้าก็ส่งชื่อหนังสือที่เค้าแนะนำมาด้วย เยอะมาก(เดี๋ยวไว้จะพิมพ์) ก็ตาม step เลยครับได้ชื่อหนังสือจาก idol ทำไงครับ search ดู หน้าปก ถึงตอนนี้ ถามว่าอ่านครบละยัง คือเอาจริง ๆไม่ถึง 1% เห้อ! 
    กลับมาที่หนังสือ " เด็ก นอก คอก" ที่มีคำนิยม ของพี่ รวิศ โอเคร ไม่อ่านละ ซื้อเลยละกัน! นี่แหละ Buyology การซื้อของกรู อารมณ์ล้วน ๆแล้วเดี๋ยวหาเหตุผลให้เองว่าทำไมต้องซื้อ (หนังสือ buyology ไม่เคยอ่าน ประโยคนี้จำจากไหนมาไม่รู้ จำไม่ได้) หลังจากคิดจะซื้อ "เด็ก นอก คอก" แล้ว ในหัว แว้บขึ้นมาว่าเคยเห็นว่า พี่รวิศ ออกหนังสือใหม่ ตอนนั้นจะซื้อ แต่จำไม่ได้ ว่าทำไมลืมซื้อ คือไหน ๆจะซื้อแล้วเอาของพี่เค้าไปด้วยเลยละกัน จากนั้นก็ตามหา หนังสือพี่เค้า คือชอบพี่เค้าจริง ๆ... แต่ว่า ... หนังสือชื่อไรวะ 
    ไป counter ถามพนักงาน "พี่ครับ คุณ รวิศ นี่ เขียนหนังสือ กี่เล่มครับ" คือระหว่างที่พูด แหงนหน้ามองดู หนังสือติดอับดับขายดี ของพี่แกติดอยู่ด้วย เลย บอกพนักงานที่กำลังพิมพืว่าไม่ต้องแล้วครับ  เอาเล่มนั้น ด้วย หนังสือชื่อว่า "คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย"

    ถึงตอนนี้ในหัวคือ ไม่ไหวแล้ว คือผมเหนื่อยกับการพิมพ์แล้ว ที่แล่นมาในหัวคือ ปกติที่อ่านบทความคนอื่น ที่พิมพ์ไว้ ใน เว็บเล่าเรื่องแล้วพิมพ์ว่า "เดี๋ยวมาต่อ" ไม่เคยเข้าใจเลยว่า ทำไมมึงไม่พิมพ์ให้เสร็จ ๆตอนนี้เข้าใจแล้ว ตอนแรกกะจะพิมพ์ให้เสร็จเลย แต่พอเอาเข้าจริง ๆมันใช้เวลาเหมือนกันนะเนี่ย ไม่ไหว เดี๋ยว พรุ่งนี้จะมาพิมพ์ต่อ(ห้า ๆๆตั้งใจเขียนพรุ่งนี้ให้กดดันตัวเองจะได้จริงจังซะที)

    ถึงไหนนะเนี่ย อ๋อ หลังจากที่ได้ หนังสือของพี่ รวิศมา มีความรู้สึกว่า สองเล่ม อ่านแปปเดียวคงจบก็เลย หาอะไรอีกเล่มดีน้า ก็เลยมาหยุดอยู่ที่  "Newyork first time" ซื้อก็ซื้อวะ เห็นหลายทีละ ก็เลยสอยมาด้วยกันเลย 
   หลังจากได้หนังสือมาแล้ว ... เสร็จธุระแล้ว.. เอาวะเริ่มอ่านเลยละกัน ก็เริ่มจาก "เด็ก นอก คอก"ก่อน คือคร่าว ๆอ่านไปรวดเดียวทั้งเล่มเลยครับ คือได้ข้อคิดอะไรเยอะมาก แล้วก็ยังไม่ได้ แตะ หนังสือของ เบ๊น อยู่ดี ห้า ๆๆๆ  แต่พออ่าน "เด็ก นอก คอก จบ" เลยเปิดของ เบ๊นมาอ่านดู เอ้อเจ๋งดีหวะ แต่ก็อ่านไปแป๊ปเดียวเองก็ไม่ได้อ่านต่อ (สัญญาว่าจะอ่านให้จบ) เปลี่ยนมาอ่านของพี่รวิศบ้าง ..
   เปิดบทแรกมาก็ malala พลิกดูบทนี้มีกี่หน้า เอ๊ะ มีแนะนำ Clip ที่ malala พูดที่ UN เลยเปิด youtube ดู พบว่า Malala ช่างทรงพลังอะไรขนาดนี้ ผมสงสัยมากว่าเด็กคนนี้ผ่านอะไรมา ทำไมสายตาเธอถึงได้เด็ดเดี่ยว น้ำเสียงวาจา ช่างแน่วแน่ มีพลัง นี่เด็กอายุ 16 จริง ๆเหรอเนี่ย คือดูไป ก็อึ้งไป ดูไปก็ สะเทือนใจ ไม่รู้ว่าจากที่ดูแล้วมันปลุกใจอะไรไปบ้างแต่หลังจากดูจบก็อ่านหนังสือของพี่เค้าต่อไปถึงครึ่งเล่ม แล้วไม่รู้ว่าสาเหตุอะไร หรือการอ่านหนังสือ ปน ๆกันสามเล่ม มันถึงได้ดลให้ อยากทำ  Blog เป็นครั้งแรก อาจจะเป็นเพราะคำนำที่มีพลังของเบ๊น ในเรื่องของคนเราต้องมีครั้งแรก แล้วได้การกระตุ้นจากหนังสือ "เด็ก นอก คอก" รวมถึงบทความใน หนังสือ "คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย"  อะไรไม่รู้แหละ แต่ตอนนี้ ผมได้เริ่มเขียน Blog ของตัวเองครั้งแรก ... 
ถึงตอนนี้ยัง งง เลยว่า จะเขียนอะไรก่อน เขียนแล้วใครจะอ่าน ใครจะไปอยากรู้เรื่องที่ผมเขียน แต่เอาเป็นว่า ไม่ลองไม่รู้ ทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวจะมาพิสูจน์กัน ^^


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น